Work from Home ไม่ฟุ้งซ่าน กับ 5 แนวทางการดูแลสุขภาพจิตช่วง COVID-19

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเปิดสื่อไหน ๆ ต่างก็เจอข่าวสารของ COVID-19 ที่มีอัพเดตกันตลอดเวลา และปัจจุบันหลาย ๆ คนที่ต้อง Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างการใช้ชีวิตในสังคม พร้อมหันมางานที่บ้านหรือ Work from Home แต่สถานการณ์นี้ก็สร้างความวิตกกังกลให้กับหลายคน จนแทบจะเสียสุขภาพจิตและส่งผลกระทบถึงการดำเนินชีวิต รวมถึงการทำงานด้วยความตึงเครียด

เพื่อการลดความวิตกกังวลที่กล่าวมา จึงต้องมีวิธีการดูแลสุขภาพจิตในช่วง COVID-19 ดังนี้

1. รับข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ เราก็มักจะเห็น ‘Fake News’ หรือข่าวปลอม ที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสนว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวลวงกันแน่ โดยเฉพาะการอัพเดตข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 ที่จะทำให้เกิดความหวั่นวิตกกับการดำรงชีวิตเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเสพข่าวจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น สำนักข่าวที่ได้รับการยอมรับ หรือหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น

2. ลดการใช้โซเชียลมีเดีย

การติดตามข่าวสารและการอัพเดตสถานการณ์นั่นเป็นเรื่องดีก็จริง แต่การเสพข่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมากเกินไป ก็อาจสร้างความวิตกกังวลให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือผู้ที่ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดก็เป็นได้ โดยเฉพาะข่าวลือหรือข่าวสารที่ยังไม่เป็นทางการ

3. สวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือให้บ่อยครั้ง

แม้จะมีนโยบาย Social Distancing แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องมีการออกไปซื้อของหรือทำธุระจำเป็นข้างนอก ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวเองให้ดี ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมืออย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรล้างมือบ่อยจนเกินจำเป็น เพราะนั่นอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตให้วิตกกังวลมากกว่าเดิม

4. ติดต่อกับเพื่อนบ้าง

จากข้อ 2. ที่บอกให้ลดลดการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อลดอาการวิตกกังวล แต่การทำงานอยู่คนเดียวเป็นเวลานานก็อาจเกิดภาวะซึมเศร้าหรือเหงาเซ็งได้ เพื่อการผ่อนคลายจึงควรติดต่อเพื่อนฝูงบ้าง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มไฟในการทำงานได้อีกด้วย

5. หางานอดิเรกทำในยามว่าง

ออกไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ อยู่แต่บ้านก็อาจจะเกิดความเบื่อ ดังนั้นจึงควรหางานอดิเรกทำเพื่อผ่อนคลายในยามว่าง และปลดปล่อยตัวเองจากการเก็บตัวเป็นเวลานาน ๆ เช่น ทำอาหาร วาดรูป เล่นโยคะ หรือหาคอร์สเรียนออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดความฟุ้งซ่านและให้สมองได้พัฒนาความคิดในด้านอื่น ๆ

แม้การทำงานและการดูแลสุขภาพกายจะสำคัญ แต่สุขภาพจิตก็สำคัญไม่แพ้กัน จึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้และต้องให้ความสำคัญ เพราะหากสุขภาพจิตใจย่ำแย่จากการวิตกกังวลมากเกินไป แน่นอนว่าจะส่งผลเสียตามมากับการทำงานและส่งผลกระทบกับเนื้องานอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูล : jobsDB